[metaslider id="42"]

dumbbell Fixed Weight

Read More

dumbbell Adjustable

Read More

dumbbell Selectorizrd

Read More

10 ท่า ลดเอว ลดพุง สร้างกล้ามท้อง ลดเร็ว ได้ผลจริง!

ท่าลดเอว ลดพุง ท่าที่ 1

ท่าลดเอว ลดพุง ท่าที่ 1

1.1 นอนตะแคง แขนซ้ายตั้งศอก มือขวาเท้าเอวไว้ วางสะโพกซ้ายและต้นขาซ้ายแนบพื้น
1.2 เกร็งหน้าท้อง ยกสะโพกและต้นขาขึ้นจากพื้น ให้ลำตัวตั้งตรง
1.3 ทำข้างละ 15-20 ครั้ง

ท่าลดเอว ลดพุง ท่าที่ 2

ท่าลดเอว ลดพุง ท่าที่ 2

2.1 นอนหงาย ยกขาทั้งสองข้างขึ้น งอเข่า ทำมุม 90 องศา ยกลำตัวด้านบนขึ้น และเหยียดแขนออกไปด้านหน้า
2.2 เหยียดขาขวาตรงออกไปด้านหน้า
2.3 จากนั้นสลับเป็นขาซ้าย เหยียดออกไปด้านหน้า
ทำซ้ำ 15-20 ครั้ง

ท่าลดเอว ลดพุง ท่าที่ 3

ท่าลดเอว ลดพุง ท่าที่ 3

3.1 นอนหงาย ยกขาทั้งสองข้างขึ้น งอเข่า ทำมุม 90 องศา ยกต้นคอและศีรษะขึ้น แขนทั้งสองวางไว้ด้านหลังศีรษะ
3.2 บิดลำตัวด้านบนไปทางซ้าย ให้ศอกขวาแตะเข่าซ้าย พร้อมๆ กับเหยียดขาขวาออกไป
3.3 จากนั้นสลับ บิดลำตัวด้านบนไปทางขวา ให้ศอกซ้ายแตะเข่าขวา พร้อมๆ กับเหยียดขาซ้ายออกไป
ทำซ้ำ 15-20 ครั้ง

ท่าลดเอว ลดพุง ท่าที่ 4

ท่าลดเอว ลดพุง ท่าที่ 4

4.1 ยกลำตัวและขาขึ้นให้เป็นรูปตัว V งอเข่าให้ขาขนานกับพื้น ประสานมือทั้งสองข้างชี้ไปด้านหน้า
4.2 จากนั้นบิดลำตัวไปด้านขวาและทิ่มมือลงด้านขวา
4.3 จากนั้นสลับ บิดลำตัวไปด้านซ้ายและทิ่มมือลงด้านซ้าย
ทำซ้ำ 15-20 ครั้ง

ท่าลดเอว ลดพุง ท่าที่ 5

ท่าลดเอว ลดพุง ท่าที่ 5

5.1 นอนหงาย เหยียดแขนขวาขึ้นเหนือศีรษะ แขนซ้ายวางข้างลำตัว พร้อมกับชันเข่าขวาขึ้น
5.2 ยกลำตัวและขาซ้ายขึ้น ใช้มือขวาแตะปลายเท้าซ้าย
5.3 จากนั้นสลับข้าง เหยียดแขนซ้ายขึ้นเหนือศีรษะ แขนขวาวางข้างลำตัว พร้อมกับชันเข่าซ้ายขึ้น
5.4 ยกลำตัวและขาขวาขึ้น ใช้มือซ้ายแตะปลายเท้าขวา
ทำซ้ำ 15-20 ครั้ง

ท่าลดเอว ลดพุง ท่าที่ 6

ท่าลดเอว ลดพุง ท่าที่ 6

6.1 นอนหงาย ตั้งเข่า เหยียดแขนขึ้น
6.2 ยกขาซ้ายขึ้น พร้อมบิดตัว วาดมือขวาแตะปลายเท้าซ้าย จากนั้นสลับข้าง
ทำซ้ำ 15-20 ครั้ง

ท่าลดเอว ลดพุง ท่าที่ 7

ท่าลดเอว ลดพุง ท่าที่ 7

7.1 ยกลำตัวและขาขึ้นให้เป็นรูปตัว V งอเข่าเล็กน้อย มือสองข้างเท้ากับพื้น
7.2 เอนหลังลงเล็กน้อย พร้อมเหยียดขาทั้งสองข้างออกไปด้านหน้า
ทำซ้ำ 15-20 ครั้ง

ท่าลดเอว ลดพุง ท่าที่ 8

ท่าลดเอว ลดพุง ท่าที่ 8

8.1 นอนหงาย ชันเข่าขึ้น มือทั้งสองข้างวางไว้ด้านหลังศีรษะ
8.2 เกร็งหน้าท้อง ยกลำตัวด้านบนขึ้นเล็กน้อย
ทำซ้ำ 15-20 ครั้ง

ท่าลดเอว ลดพุง ท่าที่ 9

ท่าลดเอว ลดพุง ท่าที่ 9

9.1 นอนหงาย ขาเหยียดตรง มือทั้งสองข้างเหยียดขึ้นเหนือศีรษะ
9.2 ยกลำตัวและขาขึ้นเป็นรูปตัว V พร้อมกับเหยียดแขนตรงไปด้านหน้า
ทำซ้ำ 15-20 ครั้ง

ท่าลดเอว ลดพุง ท่าที่ 10

ท่าลดเอว ลดพุง ท่าที่ 10

10.1 นอนคว่ำ ตั้งศอกลงกับพื้น เกร็งลำตัวให้ตรง

เชือกกระโดด ยี่ห้อไหนดี แห่งปี 2022

1. JASON เจสัน เชือกกระโดด รุ่น X-Slasher

เชือกกระโดด JASON รุ่น X-Slasher เชือกกระโดด รุ่นนี้ สามารถที่จะปรับความยาวเชือกกระโดดได้ตามความเหมาะสมกับผู้ใช้ได้ ซึ่งถือว่าสะดวกมากๆ สามารถใช้งานได้หลายคน ตัวเชือกทำจากสายเคเบิล ค่อนข้างมีน้ำหนักมาก การใช้งานได้ง่ายโดยไม่บิดงอ ความยาวของสาย 2.8 เมตร เส้นรอบวง 4 มิลลิเมตร ขนาดด้ามจับ 13.5 เซนติเมตร ลูกปืนเกรดดีหมุนได้อย่างไหลลื่นไม่มีสะดุด ด้ามจับยางกันลื่นเพื่อการจับที่กระชับ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการออกกำลังแบบคาร์ดิโอ ช่วยเร่งการเผาผลาญ ลดไขมัน ในร่างกาย โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์มาก สะดวกต่อการพกพาและการจัดเก็บ

คุณสมบัติเด่น

  • สามารปรับความยาวสายได้ตามความเหมาะสมกับผู้ใช้
  • ประเภทสายทำจากสายเคเบิล ไม่บิดงอ

2. Everlast เชือกกระโดด

เชือกกระโดด Everlast ทำจากวัสดุ ที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน แข็งแรงทนทาน ออกแบบด้ามจับอลูมิเนียมเคลือบด้วยโฟมพร้อมด้วยกริ๊ปแบบยางเพื่อเพิ่มความนุ่มสบายมือป้องกันการหลุดมือเมื่อใช้งาน นวัตกรรมทันสมัยสามารถปรับขนาดเชือกได้ตามการใช้งาน ใช้งานง่ายเชือกไม่พันกันและป้องกันไม่ให้เชือกยืดตัวขณะใช้งาน ใช้งานได้อย่างลื่นไหลด้วยตลับลูกปืนป้องกันแรงบิดไม่สะดุดระหว่างการใช้งานอย่างต่อเนื่อง เชือกทำจากพลาสติกคุณภาพดี ความยาวสายเริ่มต้น 9 ฟุต และสามารถปรับขนาดตามการใช้งาน มือจับบรรจุก้อนเพื่อถ่วงน้ำหนัก สามารถปรับน้ำหนักได้ เพิ่มน้ำหนักก้อนน้ำหนักได้ถึง1.5ปอนด์ เพื่อช่วยเพิ่มแรงเหวี่ยงตอนออกกำลังกาย เพื่อให้การออกกำลังกายสามารถทำได้ทุกส่วนของร่างกาย รูปทรงสวยงามทันสมัย

คุณสมบัติเด่น

  • สามารถปรับความยาวสายได้ตามการใช้งาน
  • ด้ามจับอลูมิเนียมเคลือบโฟมจับถนัดมือ มีความแข็งแรงทนทาน
  • มีก้อนถ่วงน้ำหนัก ที่สามารถเพิ่มหรือลดได้ตามการใช้งาน

3. Reebok Premium Speed Rope

Reebok Premium Speed Rope เชือกกระโดดจากยี่ห้อที่มีชื่อเสียงด้านอุปกรณ์การออกกำลังกาย จึงมั่นใจในเรื่องของคุณภาพของสินค้า เชือกกระโดดรุ่นนี้มีน้ำหนักที่เบา ด้ามจับและสายเรียวยาว เหมาะสำหรับการกระโดดเชือกที่ต้องการกระโดดแบบรวดเร็ว เป็นเชือกกระโดดที่มีมีสันสวยงามน่าใช้ ออกแบบด้วยสายเคเบิลเหล็กเคลือบที่ทนทานสามารถปรับได้ ตามความต้องการของคุณ ความยาวสายสามเมตร ใช้งานสะดวกลื่นไหลด้วยกลไกลูกปืน ช่วยให้เชือกสามารถหมุนได้อย่างอิสระ พร้อมที่จับแบบถ่วงน้ำหนักเพื่อความรู้สึกมั่นคง ช่วยให้เกิดการหมุนที่ราบรื่นและสม่ำเสมอมีคุณสมบัติของด้ามจับเคลือบยางเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

คุณสมบัติเด่น

  • สามารถปรับความยาวสายได้ตามความต้องการ
  • สายทำจากเคเบิลไม่บิดงอ
  • มีการถ่วงน้ำหนักที่ด้ามจับ

เคล็ดลับดีๆ ในการออกกำลังกายด้วยงานบ้าน ขัดถูตามจังหวะ

เกร็งกล้ามเนื้อเพิ่มความกระชับ

เวลาปัดกวาดทำความสะอาดประตู หน้าต่าง หรือตู้ที่อยู่สูง ให้เขย่งปลายเท้า เกร็งกล้ามเนื้อน่อง กล้ามเนื้อท้อง แล้วผ่อนคลาย ทำสลับกันสัก 15 ครั้ง หยุดพัก แล้วทำอีก 15 ครั้งให้ครบ 3 ชุด เพียงเท่านี้หน้าท้องแบบราบและขาเรียวสวยก็ไม่หนีไปไหน

กระชับวงแขนด้วยตะกร้าซักผ้า

ตะกร้าซักผ้าเป็นมากกว่าที่ใส่เสื้อผ้าหืนๆ นี่ล่ะคือเครื่องมือช่วยลดน้ำหนักอีกอย่างหนึ่ง เริ่มจากทูนตะกร้าขึ้นไปเหนือศีรษะ ยกให้สุดแขนแล้วค่อยๆ ลดแขนลง (แต่ก็ยังอยู่เหนือศีรษะอยู่) ทำซ้ำ 3 เซ็ต เซ็ตละ 15 ครั้ง จะช่วยบริหารไหล่และแผ่นหลัง กระชับเรียวแขน ถ้ายืนจนเมื่อยแล้วก็เปลี่ยนเป็นนอนหงาย วางตะกร้าไว้บนอก ยกขึ้นและลง 3 เซ็ตเท่าเดิม ถ้าตะกร้าหนักไป อนุโลมให้เอาเสื้อผ้าออกได้จนกว่าจะได้น้ำหนักพอดีๆ

เรียวขาฟิตเฟิร์มกับเก้าอี้

หาเก้าอี้ที่มั่นคงและมีพนักแขนดีๆ สักตัว ให้เก้าอี้หันจนที่วางแขนด้านหนึ่งอยู่ข้างหน้าเรา จากนั้น ใช้มือจับที่วางแขนไว้ทั้งสองข้างแล้วค่อยๆ โน้มตัวลงมา เก็บคอเข้าด้านในเพื่อที่จะได้ไม่ปวดเกร็ง จากนั้น เหวี่ยงขาขวาไปด้านหลัง จนกระทั่งขาขนานกับพื้นแล้วค่อยลดลงมา ถ้าทำถูกจะเปลี่ยนข้างเป็นขาซ้าย สลับไปเรื่อยๆ จนกระทั่งรู้สึกว่าเหนื่อยมากแล้ว ภายในไม่กี่สัปดาห์จะเห็นได้ชัดว่า ต้นขาแน่นเฟิร์มและสะโพกกระชับขึ้น

น่องกระชับกับขั้นบันได

  • ก่อนอื่นเลยต้องมุ่งหน้าไปที่บันได
  • ยืนที่ขั้นล่างสุดแล้วย่ำเท้าอยู่กับที่สัก 1 นาที เพื่อให้กล้ามเนื้อขาได้ยืดเส้นยืดสาย
  • ให้ก้าวขึ้นบันไดขั้นแรกเท่านั้นแล้วก้าวลงมา ขึ้น-ลงซ้ำๆ 10 รอบก่อน แล้วย่ำอยู่กับที่ต่ออีก 15 วินาทีถือเป็น 1 เซ็ต
  • ก้าวขึ้นบันได 2 ขั้น แล้วถอยลงมา ขึ้น-ลงอย่างนี้อีก 10 รอบ แล้วย่ำอยู่กับที่อีก 15 วินาที ถือเป็นเซ็ตที่ 2
  • ทำซ้ำไปเรื่อย ๆ จนครบ 10 เซ็ต โดยเพิ่มขั้นบันไดเซ็ตละ 1 ขั้น เมื่อครบทั้ง 10 เซ็ตแล้วอาจจะเหนื่อยสักหน่อย แต่สำหรับคนที่ขึ้น ๆ ลง ๆ แล้วรู้สึกเวียนหัวให้เริ่มช้า ๆ และขึ้นบันไดแค่ 1-3 ขั้นก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มจำนวน เมื่อรู้สึกว่าขึ้นได้สบายแล้ว

ไล่เซลลูไลต์ด้วยเก้าอี้กำแพง

ในระหว่างที่ดูโทรทัศน์เพลิน ๆ อย่าลืมกระชับหุ่นสวยไปด้วย เริ่มต้นจากยืนหันหลังให้กำแพง แยกขาให้มีความกว้างระดับไหล่ ค่อย ๆ ย่อเข่าจนหลังยันกำแพงและเข่า ทำมุมประมาณ 30 วินาที (ถ้าไม่ชอบนับก็ประมาณเอาจากความยาวโฆษณาหนึ่งตัว) ท่านี้จะช่วยบริหารแกนของร่างกาย สะโพก กล้ามเนื้อต้นขา และป้องกันเซลลูไลต์สะสมได้

เต้นรำทำครัว

เวลาทำผัดอาหารหน้าเตา ล้างผัก หรือล้างจาน ให้ย่ำเท้าเป็นจังหวะตามเสียงเพลงในขณะที่มือทำงาน จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อขาและแขนไปพร้อมๆ กันทำให้ต่อเนื่อง ควรทำหลายๆ กิจกรรมต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาหนึ่ง เช่น รีดผ้า 30 นาที ต่อด้วยกวาดบ้าน 30 นาที แล้วต่อด้วยถูบ้าน 30 นาที จะช่วยเผาผลาญพลังงานได้ถึง 100-200 กิโลแคลอรี

การทำท่า Lunge

เคลียร์พื้นที่ในบ้านสักหน่อย เพื่อต้นขาเรียวสวยด้วยท่า Lunge การทำท่า Lunge ช้า ๆ จะบังคับให้คุณใช้แรงมากขึ้นโดยอัตโนมัติ

  • ก้าวขาขวายาว ๆ ไปข้างหน้า
  • ย่อเข่าขวาจนทำมุมประมาณ 45 องศา แล้วค้างไว้ 5 วินาที
  • ย่อเข่าขวาลงอีกจนทำมุมฉากกับพื้น ค้างท่านี้ไว้อีก 5 วินาที (ในขณะนี้ขาซ้ายก็จะชี้ไปข้างหลัง และเข่าซ้ายจะตั้งฉากกับพื้น)
  • ค่อย ๆ ยกตัวขึ้นและหยุดที่เข่าทำมุม 45 องศส ค้างไว้ 5 วินาที
  • ยกตัวขึ้นจนกลับมาอยู่ในท่ายืนตามปกติ แล้วทำท่าซ้ำกับขาซ้าย

กิจกรรมเสริมสร้างความยืดหยุ่นของร่างกาย เพิ่มกล้ามเนื้อ

เพิ่มกล้ามเนื้อ

บอดี้เวท (Body Weight) คือ การออกกำลังกายที่ใช้น้ำหนักของตัวเองเป็นแรงต้าน นับเป็นวิธีเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อที่มีประสิทธิภาพวิธีหนึ่ง โดยท่าออกกำลังกายฝึกกล้ามเนื้อแบบบอดี้เวทที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ มีดังนี้

  • วิดพื้น (Push Up) วางมือทั้งสองข้างบนพื้นไม่ให้ล้ำหน้าหัวไหล่ ยืดแขนจนสุด เหยียดขาให้ตรงโดยหัวเข่าไม่แตะพื้น จากนั้นงอข้อศอกให้หน้าอกลดต่ำลง ห่างจากพื้นประมาณ 2 นิ้ว แล้วดันตัวขึ้นมาจากพื้น
  • ฝึกกล้ามเนื้อหลังแขน (Tricep Dip) นั่งชันเข่าขึ้นมา วางฝ่าเท้าเต็มพื้น วางฝ่ามือราบไปกับพื้นด้านหลังโดยหันมือให้นิ้วเข้าหาลำตัวที่อยู่ข้างหน้า จากนั้นยกสะโพกขึ้นจากพื้น พร้อมกับค่อย ๆ งอศอกพร้อมกับลดลำตัวจนถึงพื้น แล้วดันกลับขึ้นมา ทำซ้ำเช่นนี้เซตละ 12-15 ครั้ง จำนวน 2 เซต
  • สควอท (Squat) ยืนกางเท้าให้กว้างเท่ากับไหล่ ปล่อยแขนไว้ข้างลำตัวหรือยกแขนยื่นไปข้างหน้าเพื่อช่วยทรงตัว จากนั้นงอเข่าย่อตัวลงไป โดยให้ต้นขาขนานกับพื้นและหลังตรง ระวังอย่างอเข่าจนหัวเข่าเลยปลายเท้า ทำซ้ำเซตละ 15-24 ครั้ง จำนวน 2 เซต
  • บริหารขา (Lunge) ยืนในท่าเตรียมโดยก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้า จากนั้นงอเข่าซ้ายช้า ๆ พร้อมกับย่อตัวลงไปจนขาทั้งสองข้างตั้งฉาก ทิ้งน้ำหนักลงบนส้นเท้าแล้วค่อยกลับมาอยู่ในท่าเริ่มต้น ควรให้หลังตรงและไม่งอเข่าจนเลยปลายเท้า ทำเช่นนี้ 15-24 ครั้ง แล้วสลับทำอีกข้าง
  • บริหารหน้าท้อง (Crunch) นอนราบบนพื้น ชันเข่าขึ้นมา มือแตะหลังหู โดยให้หลังส่วนล่างแนบไปพื้น จากนั้้นยกแนวไหล่ทั้งสองข้างขึ้นมาจากพื้นไม่เกิน 3 นิ้ว แล้วค่อยกลับไปอยู่ท่าเดิม ไม่ควรกดคางแนบกับอกหรือใช้มือดึงคอขึ้นมา ทำเซตละ 15-24 ครั้ง จำนวน 2 เซต
  • ฝึกกล้ามเนื้อหลัง (Back Raise) นอนคว่ำไปบนพื้น ยื่นมือออกไปข้างหน้าหรือเอามือไว้ที่ขมับ เหยียดขาและปลายเท้าราบบนพื้น จากนั้นยกไหล่ขึ้นมาจากพื้นไม่เกิน 3 นิ้ว แล้วค่อย ๆ กลับไปอยู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำเช่นนี้เซตละ 15-24 ครั้ง จำนวน 2 เซต

ออกกำลังกายลดน้ำหนัก ที่ผู้หญิงอยากหุ่นดีต้องไม่พลาด !!

1. วิ่งลดน้ำหนัก

ไม่ว่าจะวิ่งช้า วิ่งเร็ว หรือวิ่งอยู่กับที่ก็ล้วนช่วยเผาผลาญไขมันได้ดีทั้งสิ้น เพราะเป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่จะกระตุ้นการเต้นของหัวใจและระบบเผาผลาญได้โดยตรง ซึ่งการวิ่งสามารถเผาผลาญแคลอรีได้มากถึง 566-839 กิโลแคลอรี/ชั่วโมงเลยทีเดียว

ทั้งนี้ใครที่ต้องการลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน แนะนำให้วิ่งแบบหนักสลับเบา เช่น ให้เริ่มที่การวิ่งเร็ว 60 วินาที สลับกับการพักเดิน 30 วินาที ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนครบ 1 ชั่วโมงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพราะการวิ่งแบบหนักสลับเบา แบบนี้เรียกว่า คาร์ดิโอแบบ Interval Training หรือ การออกกำลังกายแบบ HIIT เป็นการออกกำลังกายที่ช่วยเพิ่มระดับการเผาผลาญของร่างกายนั่นเอง

ถ้าใครฝึกวิ่งไปเรื่อยๆ แล้วน้ำหนักไม่ลดลง ตามไปอ่านได้ที่ วิ่งอย่างไรให้น้ำหนักลด แต่บางคน วิ่งแล้วน้ำหนักขึ้น เราก็เคยเขียนบทความไว้เช่นกันค่ะ ลองอ่านกันได้ที่บทความนี้เลย ยิ่งวิ่งยิ่งอ้วน

2. เดินขึ้น-ลงบันได

เป็นวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะกับคนที่ขี้เกียจเป็นที่สุด เพราะเพียงแค่เดิน-ขึ้นลงบันได ก็สามารถเผาผลาญแคลอรีได้ถึง 452 – 670 กิโลแคลอรี/ชั่วโมง แถมยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อขาได้อีกด้วย ทั้งนี้เพื่อประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น แนะนำให้เดินบ้าง วิ่งบ้าง หรืออาจถือดัมเบลไปด้วยก็จะยิ่งกระตุ้นการเผาผลาญได้ดียิ่งขึ้นไปอีกค่ะ ใครไม่มีแนะนำเป็นถือขวดน้ำแทนได้นะคะ เลือกตามน้ำหนักที่เหมาะสมกับเราได้เลย

3. กระโดดเชือก

สำหรับใครที่ไม่สะดวกไปออกกำลังกายนอกบ้าน การกระโดดเชือก ก็เป็นวิธีการออกกำลังกายลดความอ้วน ที่ออกได้เลยที่บ้าน และเป็นวิธีที่ได้ผลดีมากทีเดียว โดยการกระโดดเชือก 1 ชั่วโมง จะสามารถเผาผลาญแคลอรีได้มากถึง 667 – 990 กิโลแคลอรี

แต่ก็ต้องกระโดดให้ถูกวิธีด้วยนะคะ เพื่อป้องกันปัญหาข้อเท้าและข่อเข่าเสื่อมนั่นเอง การกระโดดเชือกที่ถูกวิธี ควรลงน้ำหนักเบาๆ ที่ส่วนหน้าของฝ่าเท้า หลีกเลี่ยงการลงน้ำหนักที่ส้นเท้าเพื่อลดการเกิดอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าค่ะ และในการกระโดดเชือกเพื่อลดน้ำหนักไม่ควรกระโดดสูงจากพื้นมากนัก รวมทั้งให้ผ่อนคลายหัวไหล่และข้อมือในขณะที่กระโดดเชือกด้วย

4. เวทเทรนนิ่ง

ถึงแม้ว่าเวทเทรนนิ่งจะเน้นการสร้างกล้ามเนื้อมากกว่าการคาร์ดิโอ แต่นี่แหละเป็นทางลัดของความผอมที่จะทำให้คุณได้ผลลัพธ์แบบสองต่อ เพราะเมื่อมวลกล้ามเนื้อในร่างกายของเราเพิ่มขึ้น ก็จะกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญไขมันส่วนเกินได้มากขึ้นกว่าเดิม

และข้อดีอีกอย่างหนึ่งของการเวทเทรนนิ่ง คือ หลังจากฝึกเสร็จแล้ว ร่างกายจะยังคงเผาผลาญพลังงานต่อไป แม้ว่าเราจะอยู่เฉยๆ ก็ตาม ในขณะที่การออกกำลังกายแบบอื่นๆ ส่วนมากร่างกายจะหยุดเผาผลาญไปพร้อมกับการที่เราหยุดออกกำลังกาย

5. คาร์ดิโอลดน้ำหนัก แบบ คิกบ๊อกซิ่ง

คาร์ดิโอ คิกบ๊อกซิ่ง เป็นการนำการต่อยมวยมาประยุกต์เข้ากับการออกกำลังกายแบบแอโรบิก ผสมผสานกับท่าบริหารร่างกายต่างๆ ช่วยให้เราได้คาร์ดิโอและบริหารทุกส่วนของร่างกายไปพร้อมๆ กัน การออกกำลังกายประเภทนี้ช่วยสลายไขมันได้อย่างง่ายดาย เผาผลาญแคลอรีได้มากถึง 582 – 864 กิโลแคลอรี/ชั่วโมง

นอกจากจะช่วยให้คุณลดน้ำหนักแล้ว การที่เราได้ออกท่าทางเตะ ต่อยต่างๆ ยังช่วยให้เราคลายเครียดอีกด้วย ทั้งนี้แนะนำให้ออกกำลังกายด้วยการคิกบ็อกซิ่ง 90 วินาที สลับกับพัก 30 วินาที เพราะจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญได้ดีที่สุด เพราะเป็นการออกกำลังกายแบบหนักสลับเบา ช่วยเร่งระบบเผาผลาญของร่างกาย

วิธีออกกำลังกายที่บ้าน ฟิตหุ่นให้ปัง พื้นที่จำกัดไม่ใช่ปัญหา

1. ฮูลาฮูป

การออกกำลังกายด้วยฮูลาฮูป ถือเป็นการออกกำลังกายที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย นอกจากจะไม่ต้องใช้พื้นที่มากแล้ว ยังไม่ต้องมีอุปกรณ์อื่นๆ มาเสริม การออกกำลังกายด้วยฮูลาฮูปมีส่วนช่วยเสริมความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อส่วนท้องและแกนกลางลำตัว ช่วยฝึกการควบคุมร่างกาย และอีกหนึ่งผลลัพธ์ของการเล่นฮูลาฮูปที่หลายคนออกมาการันตีว่าเห็นผลจริงนั่นก็คือการช่วยลดไขมันหน้าท้องทำให้เอวเล็กลง แถมเนื้อหนังส่วนนี้ยังดูเฟิร์มกระชับขึ้นอีกด้วย

2. กระโดดเชือก

หากคุณรู้สึกไม่ค่อยแอคทีฟ การกระโดดเชือกจะช่วยสร้างความเฟรชให้คุณได้มากทีเดียว การออกกำลังกายด้วยการกระโดดเชือกมีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ช่วยฝึกการทรงตัว ฝึกสมาธิ ได้พัฒนาระบบประสาท เพราะการกระโดดเชือกคุณจำเป็นต้องควบคุมสายตา แขน ข้อมือ เท้า ให้มีความสัมพันธ์กัน นอกจากนี้ การกระโดดเชือกยังมีส่วนช่วยฟื้นฟูให้หัวใจแข็งแรง ระบบเลือดสูบฉีดดี และเร่งการเผาผลาญได้ไม่แพ้กับการออกกำลังกายรูปแบบอื่นๆ เลย

3. เต้น

สำหรับใครที่ไม่ถนัดการออกกำลังไม่ว่าหนักหรือเบา เราขอแนะนำให้ลองเปลี่ยนมาเป็นการออกสเต็ปเรียกเหงื่อด้วยการเต้น ซึ่งการเต้นในที่นี้ก็ไม่จำกัดเลยนะคะว่าต้องเต้นเพลงอะไรหรือเต้นแนวไหน ขอแค่ร่างกายได้ขยับใช้พลังงานต่อเนื่องสัก 40 – 60 นาที / วัน ส่วนประโยชน์ของการเต้นก็ไม่ใช่แค่ความบันเทิงเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีส่วนช่วยให้ร่างกายได้เคลื่อนไหว กล้ามเนื้อยืดหยุ่น และช่วยฝึกสมดุลของร่างกาย

4. คาร์ดิโอตามยูทูป

ใครที่อยากออกกำลังกายแบบไม่พึ่งอุปกรณ์หรือไม่รู้ว่าจะเริ่มคาร์ดิโออย่างไรดี เราขอแนะนำว่าให้เข้ายูทูปได้เลย มีคลิปสอนท่าคาร์ดิโอมากมาย ซึ่งการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอนี้จะเน้นการเผาผลาญไขมันด้วยวิธีการขยับร่างกายแบบต่อเนื่อง ปกติแล้วการคาร์ดิโอ 1 ท่าจะใช้เวลาเฉลี่ยที่ 1 นาที จากนั้นหยุดพัก 10 วินาที ตามด้วยท่าต่อๆ ไปอีกท่าละ 1 นาที 

5. โยคะ

การเล่นโยคะมีส่วนช่วยยืดเส้นต่างๆ ตามร่างกายได้เป็นอย่างดี ช่วยฝึกสมาธิ ผ่อนคลายความเครียด เพิ่มความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อ หากมองผิวเผินการออกกำลังกายด้วยโยคะอาจจะดูเฉื่อยช้า แต่กลับต้องใช้พลังงานภายในเป็นอย่างมาก ทำให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญ สัดส่วนกระชับ แถมยังช่วยปรับบุคลิกให้ดีขึ้นด้วย

6. เล่นเวท

การเล่นเวท คือการออกกำลังกายที่เน้นสร้างกล้ามเนื้อ กระดูก และข้อต่อให้แข็งแรง ช่วยเผาผลาญแคลอรี รักษาความแข็งแรงของร่างกาย ซึ่งการเล่นเวทในที่นี้ไม่จำเป็นต้องเล่นอย่างจริงจังหรือเล่นจนมีกล้ามเนื้อที่กำยำ แต่เล่นเพื่อเสริมสร้างให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ดูเฟิร์มกระชับสวยงามก็พอ

7. ทำงานบ้าน

แค่ขยับก็เท่ากับออกกำลังกาย ฉะนั้น การลุกขึ้นมาทำงานบ้านให้บ่อยขึ้นก็ถือเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น กวาดบ้าน ถูพื้น ล้างจาน หรือรีดผ้า กิจกรรมทั้งหมดนี้ล้วนแต่ต้องใช้พลังงานทั้งนั้น แถมการที่เราขยับร่างกายบ่อยๆ ก็ยังมีส่วนช่วยให้รูปร่างเฟิร์มกระชับ กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ยังมีความแข็งแรงยืดหยุ่น

ทำไม…ต้องออกกำลังกายให้ครบ 3 หมวดหมู่ Weight Training, Cardio และ Stretching

ในขณะที่อาหารมี 5 หมู่ รู้ไหมว่า…การออกกำลังกายก็มีหมวดหมู่เช่นกัน โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ Weight Training (ยกหน้ำหนัก), Stretching (ยืดกล้ามเนื้อ) และ Cardio (คาร์ดิโอ)

ยกน้ำหนักสร้างกล้ามเนื้อ

การสร้างกล้ามเนื้อ (Weight Training) สำคัญมาก เพราะยิ่งอายุมากขึ้นกล้ามเนื้อจะยิ่งหายไป เราจะเห็นว่าคนที่มีอายุมากขึ้นจะขยับตัวได้ช้า เคลื่อนไหว เดิน วิ่ง หรือกระโดด ได้ยากขึ้น ดังนั้นทุกคนไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาหรือคนทำงานทั่วไปควรมีกล้ามเนื้อเพื่อช่วยให้มีการเคลื่อนไหว การทรงตัว และมีบุคลิกภาพที่ดี ป้องกันการบาดเจ็บจากการเคลื่อนไหวในภายหน้าได้มากขึ้น

คาร์ดิโอเพื่อระบบการหายใจ

คาร์ดิโอ (Cardio) เช่น การวิ่ง การปั่นจักรยาน หรือการออกกำลังกายที่ใช้ความเร็ว ช่วยให้เรามีระบบหายใจที่ดี ทำให้ไม่เหนื่อยง่ายเวลาออกกำลังกาย เพิ่มระบบไหลเวียนโลหิต มีหัวใจแข็งแรงขึ้น

ยืดกล้ามเนื้อเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ

สุดท้าย การยืดกล้ามเนื้อ (Stretching) ช่วยป้องกันการบาดเจ็บระหว่างและหลังออกกำลังกาย ซึ่งหลักๆ มี 2 รูปแบบ คือ แบบ Dynamic Stretching เป็นการเลียนแบบกิจกรรมที่กำลังจะทำ เหมาะแก่การวอร์มอัพก่อนออกกำลังกาย และแบบ Static Stretching เป็นการยืดเส้นแบบยืนอยู่กับที่ เหมาะแก่การคูลดาวน์หลังออกกำลังกาย

3 ท่าออกกำลังกาย ได้ครบทั้ง Weight Training, Cardio และ Stretching

ท่าที่ 1: Ground to Overhead (Dead Snatch) 

ท่านี้เป็นท่าออกกำลังกายที่ได้ทั้งช่วงล่างของขาทั้งหมด ช่วงกลางแกนกลาง และหัวไหล่

  1. ย่อตัวลงท่าสควอท เชิดอกขึ้น ตัวตรง มองตรงไปข้างหน้า จับดัมเบล
  2. ยืนขึ้นให้เร็วที่สุด ยกดัมเบลขึ้นเหนือศีรษะ เกร็งหน้าท้อง ไม่ยกส้นเท้า
  3. นำดัมเบลลง กลับสู่ท่าที่ 1 และทำอย่างต่อเนื่องจนครบเซต

ท่าที่ 2: Thruster (Squat Press)

ท่านี้เป็นอีกท่าที่ได้ฝึกกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย ทั้งช่วงล่าง แกนกลาง และช่วงบน

  1. ยืนกางขากว้างประมาณหัวไหล่ ยกดัมเบลทั้ง 2 ข้าง ให้น้ำหนักอยู่ข้างหน้าหัวไหล่ หรือพิงหัวไหล่ (ท่า Front Rack Squat)
  2. ย่อตัวลงท่าสควอท
  3. ดันมือขึ้นเหนือศีรษะ กลับมาท่าที่ 1 และทำซ้ำ

ท่าที่ 3: Renegade Row (Push-Up Row)

เป็นอีกท่าที่ได้ออกกำลังทั่วร่างกายโดยเฉพาะช่วงบนและแกนกลาง

  1. ตั้งท่าวิดพื้น (push-up) โดยให้หัวไหล่และข้อมืออยู่ในแนวเดียวกัน แยกเท้าให้ห่างกันพอประมาณ
  2. วิดพื้นลงไป ลำตัวตรง เกร็งหน้าท้อง ถ่ายน้ำหนักทั้งช่วงบนและล่างให้เท่ากัน
  3. ดันตัวกลับขึ้นมา ใช้หลังดึงน้ำหนักดัมเบลไปด้านข้างลำตัว
  4. สลับข้าง ใช้หลังดึงน้ำหนักดัมเบลไปด้านข้างลำตัว จากนั้นกลับไปที่ท่าเริ่มต้น และทำซ้ำ

9 ท่าบริหารอกเล็กให้ใหญ่ แบบง่ายๆเพื่อเพิ่มขนาดหน้าอก

การออกกำลังกายหรือท่าบริหารอกเล็กให้ไหญ่ไม่ต้องศัลยกรรมทำได้จริงไหม ถ้าจริงต้องทำอย่างไร กับท่าออกกำลังกายเพิ่มอกง่ายๆ ด้วยการยกดัมเบลกล้ามอกผู้หญิง ทำแล้วอกจะอวบอิ่มขี้นระดับไหนกับท่าเบสิคเหล่านี้ มาลองไปพร้อมๆกันค่ะ

ผู้หญิงเราให้ความสำคัญกับหน้าอกตนเองมากเป็นอันดับต้นๆ! เพราะนั่นเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นหญิงและทำให้เราแตกต่างจากผู้ชายของเรา และนั่นไม่ใช่ทั้งหมด! หน้าอกบังทำให้เราดูน่าสนใจและเพิ่มความสวยงามและความสง่างามโดยรวมของเราด้วย อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าผู้หญิงทุกคนจะมีหน้าอกที่อวบอิ่มและมีส่วนโค้งเป็นของตัวเองได้ทุกคน บางคนแทบมองไม่ออก หระหส่างด้านหน้ากับหด้านหลัง หากคุณเป็นหนึ่งในนั้นอ่านเพื่อเรียนรู้แบบฝึกหัดเพื่อเพิ่มขนาดหน้าอก

แผนการออกกำลังกายนี้ปลอดภัยและเป็นทางเลือกที่ประหยัดสำหรับการผ่าตัดที่มีราคาแพงและเมีความเสี่ยวสูงจากผลข้างเคียงที่อาจตามมาหลังการผ่าตัด ที่เราเรียกกันว่าทคนิคการเสริมหน้าอกแบบรุกราน คุณสามารถทดลองใช้วิธีเหล่านื้ที่บ้านทุกวันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ พร้อมที่จะอวดหน้าอกที่ใหญ่โตของคุณแล้วหรือยัง?

อะไรคือสาเหตุหลักที่ทำให้หน้าอกเล็กลง?

คุณเคยเปรียบเทียบหน้าอกของคุณกับคนอื่นหรือไม่? คุณสังเกตไหมว่าหน้าอกของคุณเล็กกว่าเพื่อนหรือญาติคนอื่น ๆ ? มันมีเหตุผลของมัน!

นี่คือปัจจัยบางประการที่อาจมีผลต่อขนาดหน้าอกของคุณ:

ฮอร์โมนเพศหญิง: หากคุณกำลังมีความไม่สมดุลของฮอร์โมนหรือมีฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนขาดคุณอาจจะมีหน้าอกที่แบนราบ

การรับประทานอาหารที่ไม่ดี: หากคุณมีน้ำหนักตัวน้อยหรืออดอาหารเพื่อลดน้ำหนักผลที่สามารถมองเห็นได้บนหน้าอก

ปัญหาสุขภาพ: ความผิดปกติเช่นไทรอยด์ความเครียดและการใช้ยาอาจทำให้คุณมีเต้านมขนาดเล็ก

9 แบบฝึกหัดเพื่อเพิ่มขนาดหน้าอกใน 10 วันที่บ้าน :กับท่าบริหารอกเล็กให้ใหญ่

ให้เราดูแบบฝึกหัดที่ง่ายและมีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มขนาดหน้าอกพร้อมรูปภาพและขั้นตอนในการดำเนินการต่อไปนี้

1. การใช้ดัมเบลขนาดที่เหมาะ

การใช้ดัมเบล ทำให้เต้านมของคุณใหญ่ขึ้นหรือไม่?

แบบฝึกหัดนี้คุณสามารถถือดัมเบลล์สองอันไว้ในอ้อมแขนแล้วขยับไปในทิศทางตรงกันข้าม กระบวนการนี้ช่วยในการปรับสภาพกล้ามเนื้อหน้าอกและดันไปข้างหน้า ด้วยการทำซ้ำในปริมาณที่เหมาะสมคุณจะสังเกตเห็นความตึงของบริเวณนั้นและมี “ยก” เล็ก ๆ ที่เต้านมของคุณ

exercise breast

ยกดัมเบลกล้ามอกผู้หญิง

  • ขั้นตอนในการดำเนินการ:
  • ยืนตรงโดยให้เท้าห่างกันเล็กน้อย
  • ถือน้ำหนักเท่า ๆ กันในมือ
  • ยกแขนข้างหนึ่งแล้วเคลื่อนไปในทิศทางที่ขวาง
  • ค่อยๆนำกลับสู่ตำแหน่งปกติ
  • ทำซ้ำขั้นตอนนี้ด้วยมืออีกข้าง
  • ทำอย่างต่อเนื่อง 15 ครั้งทุกวันเพื่อสังเกตการปรับปรุง

2. การออกกำลังกายด้วยผ้าขนหนู:

การออกกำลังกายนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้ของใช้ในบ้านเพื่อสร้างการหดตัวที่หน้าอกของคุณและเพิ่มขนาดของกล้ามเนื้อหน้าอกของคุณ ทำเป็นจังหวะเพื่อกำหนดเป้าหมายเฉพาะบริเวณหน้าอกโดยไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มกล้ามเนื้ออื่น ๆ เป็นการออกกำลังกายที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการเพิ่มขนาดหน้าอกอย่างได้ผล

ิbreast exercise

ท่าบริหารอกเล็กให้ใหญ่

ขั้นตอนในการดำเนินการ:

  • สำหรับสิ่งนี้คุณจะต้องใช้ผ้าขนหนูธรรมดาแม้กระทั่งผ้าเช็ดมือก็ทำได้
  • ยืนโดยกางแขนออกและไหล่กว้าง
  • ตอนนี้ดึงและดึงที่ปลายทั้งสองข้างของผ้าขนหนูทำให้กล้ามเนื้อหดตัว
  • ดำรงตำแหน่งนี้เป็นเวลา 20 วินาทีแล้วหายใจช้าๆ
  • ค่อยๆกลับไปที่ตำแหน่งเริ่มต้นและดำเนินการต่อหลังจากหยุดพักสักครู่

3. ยืดและดึง:

การออกกำลังกายแบบลากและดึงช่วยยืดกล้ามเนื้อหน้าอกและเสริมสร้างความแข็งแรง ช่วยในการยกกระชับหน้าอกและทำให้กระชับ นอกจากการเพิ่มขนาดแล้วคุณยังสามารถสังเกตเห็นการปรับปรุงรูปร่างได้อีกด้วย คุณสามารถใช้อุปกรณ์ยืดหรือทำด้วยตนเองตามคำอธิบายด้านล่าง:

firm breast

หน้าอกกระชับเร่งด่วน

ขั้นตอนในการดำเนินการ:

  • ยืนบนพื้นชัดเจนโดยให้ขาข้างหนึ่งอยู่ข้างหน้าอีกข้างกระดูกสันหลังตรงคางล็อคขึ้น
  • ตอนนี้ใช้แขนเพื่อสร้างการลากจูงหรือดึง
  • ใช้ขาข้างหนึ่งข้างหน้าอีกข้างหนึ่งแล้ววางไว้ข้างหลังเล็กน้อยบนฐานรองรับที่มั่นคง
  • ตอนนี้ใช้แรงกดเล็กน้อยที่มือและคุณจะรู้สึกว่ากล้ามเนื้อยืดที่หน้าอก

4. วิดพื้น:

การทำ วิดพื้น ทำให้หน้าอกของคุณใหญ่ขึ้นหรือไม่?

หากคุณคิดว่าวิดพื้นมีไว้เพื่อกระชับแขนเท่านั้นล่ะก็คุณคิดผิด! การออกกำลังกายง่ายๆเหล่านี้สามารถปรับหน้าอกของคุณและช่วยให้คุณมีหน้าอกที่ใหญ่ขึ้น คุณไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พิเศษในการออกกำลังกายนี้ มุมเล็ก ๆ ในห้องของคุณก็เพียงพอแล้วสำหรับการออกกำลังกายครั้งนี้! โปรดทราบว่าเมื่อทำด้วยคาร์ดิโอและการออกกำลังกายลดไขมันอื่น ๆ การวิดพื้นอาจทำให้หน้าอกเล็กลง

how to deal with soggy breast

กล้ามอกวิดพื้นหญิง

ขั้นตอนในการดำเนินการ:

  • นอนราบบนท้องและวางฝ่ามือไว้ข้างไหล่
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่านิ้วเท้าแตะพื้น
  • ค่อยๆดันลำตัวขึ้นและให้หัวเข่าตรง
  • ทำซ้ำขั้นตอนนี้ประมาณ 5 ครั้งในการยืดครั้งเดียว
  • เพิ่มการนับเป็น 15 ครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

5. ท่าแมวยืดเหยียด หรือท่างูเห่า :

ท่างูเห่าได้ชื่อมาจากท่าประทุนของงู ยืดบริเวณหน้าอกของคุณ ด้วยการส่งเสริมการไหลเวียนโลหิตที่ดีขึ้นท่านี้ยังช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อเต้านมและช่วยในการเจริญเติบโตตามกาลเวลา

work out breast

ท่าบริหารอกใหย๋ไม่ต้องศัลยกรรม

ขั้นตอนในการดำเนินการ:

  • นอนคว่ำโดยให้แขนอยู่ข้างใดข้างหนึ่งของร่างกาย
  • ตอนนี้ยกแขนขึ้นแล้วใช้ฝ่ามือยกลำตัวส่วนบนพองหน้าอกขณะก้มศีรษะขึ้น
  • ค่อยๆกลับสู่ตำแหน่งเดิม
  • ทำซ้ำวันละ 6 ครั้ง

6. ท่าเหวี่ยงแขน:

เหวี่ยงแขนเป็นวิธีที่ดีในการเสริมหน้าอกของคุณ การเคลื่อนไหวของแขนแบบซิงโครไนซ์(คือการเหวี่ยงแขนว่ายน้ำของท่าผีเสื้อ) จะดึงกล้ามเนื้อหน้าอกไปในทิศทางที่สูงขึ้นและยกหน้าอกขึ้น การออกกำลังกายนี้ สามารถปรับแขนและร่างกายส่วนบนของคุณได้ การเพิ่มน้ำหนักให้กับแขนของคุณสามารถเพิ่มประโยชน์ของการออกกำลังกายนี้ได้

ิbreast increase

เพิ่มขนาดหน้าอก

ขั้นตอนในการดำเนินการ:

  • ยืดแขนออกไปด้านนอก
  • ขยับแขนเป็นวงกลมเล็ก ๆ ในทิศทางตามเข็มนาฬิกา
  • ทำแป๊บเดียว.
  • ทำซ้ำเช่นเดียวกันในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา
  • คุณสามารถใช้เป็นชุดเดียวและทำได้ 2-3 ชุด

7. ท่าหย่อนจากเก้าอี้ :

การหย่อนเก้าอี้เป็นอีกหนึ่งการออกกำลังกายที่ง่ายเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อเต้านม เป็นการยืดกล้ามเนื้อหน้าอกและเสริมสร้างความแข็งแรง การออกกำลังกายนี้สามารถทำให้หน้าอกใหญ่ขึ้นได้ ด้วยการฝึกฝนเป็นประจำคุณจะสังเกตเห็นขนาดถ้วยโดยรวมที่เพิ่มขึ้นได้

breast exercise

ท่าบริหารอกเล็กให้ใหญ่

ขั้นตอนในการดำเนินการ:

  • ประการแรกใช้เก้าอี้ที่แข็งแรงซึ่งสามารถรับน้ำหนักของคุณได้และควรไม่มีล้อ
  • นั่งบนขอบเก้าอี้และวางฝ่ามือไว้บนเบาะ
  • ค่อยๆยกตัวของคุณออกจากเก้าอี้แล้วเคลื่อนเท้าไปด้านหน้า
  • ส่วนที่เหลือของร่างกายควรตรง
  • ลดร่างกายของคุณและใช้การสนับสนุนของแขนของคุณเพื่อให้สมดุลกับตำแหน่ง
  • กลับไปที่ท่าเดิม
  • ทำซ้ำ 6-8 ครั้ง

8. การเดินไม้กระดานด้านข้าง (plank)

การเดินด้วยไม้กระดานด้านข้างเป็นการออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มขนาดหน้าอกและกระชับกล้ามเนื้อหน้าอก แม้ว่าจะทำได้ยากเล็กน้อย แต่ผลลัพธ์ก็คุ้มค่ากับความพยายาม ในแบบฝึกหัดนี้คุณต้องรักษาตำแหน่งของไม้กระดานก่อนและเลื่อนไปด้านข้างบนพื้น การไขว้แขนของคุณสามารถเสริมสร้างกล้ามเนื้อหน้าอกและยังทำให้แกนกลางของคุณดีขึ้นอีกด้วย

ขั้นตอนในการดำเนินการ:

  • นอนลงและวางแขนของคุณบนพื้นและข้อศอกต่ำกว่าไหล่ของคุณ
  • งอเท้าเพื่อให้นิ้วเท้าแตะพื้น
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าร่างกายของคุณเป็นเส้นตรง
  • ตอนนี้ข้ามมือขวาไปทางด้านซ้าย
  • ก้าวเท้าซ้ายไปทางซ้ายทีละก้าว
  • เลื่อนมือซ้ายและเท้าขวาเพื่อเข้าสู่ตำแหน่งไม้กระดานอีกครั้ง
  • ทำซ้ำขั้นตอนไม่เกินสามขั้นตอน
  • คุณสามารถทำแบบฝึกหัดนี้ย้อนกลับเพื่อไปในทิศทางตรงกันข้าม

9. อกเหิน :

ทรวงอกช่วยในการปรับกล้ามเนื้อเต้านมของคุณโดยการขยับแขนเข้าและออก การออกกำลังกายเกี่ยวข้องกับการยกน้ำหนักซึ่งให้ความต้านทานที่เหมาะสมในการหดตัวของกล้ามเนื้อหน้าอก นอกจากการปรับปรุงขนาดหน้าอกแล้วยังทำให้ลูกหนูและไขว้หน้าของคุณดูดีขึ้นด้วย

ขั้นตอนในการดำเนินการ:

  • คุณต้องนอนบนม้านั่งออกกำลังกายโดยให้เท้าของคุณตรงกับพื้นสัมผัสมัน
  • จากนั้นถือน้ำหนักด้วยฝ่ามือของคุณแล้วค่อยๆยกมือขึ้นบนอากาศ
  • ปล่อยให้มือของคุณอยู่เหนือหน้าอกสองสามวินาทีแล้วค่อยๆลดมือลงโดยรักษาการเคลื่อนไหวส่วนโค้ง
  • หยุดมือไว้ที่ระดับไหล่จากนั้นค่อยๆยกน้ำหนักลง ทำสิ่งเดียวกันซ้ำสามถึงห้าครั้ง

ท่าทั้งหมดนี่ สามารถทำได้ที่บ้าน เวลาใดก็ได้ที่สะดวก ขอแต่ให้ทำให้ถูกต้อง และมีวินัยในการทำให้สม่ำเสมอ คุณก็อาจเจะได้ป็นผู้หญิงอีกคนที่มีหน้าอกสวยๆ ไม่หย่อนไม่ยาน กระชับได้รูปทรงสวยๆแน่นอน

แต่อย่างไรก็ดี เมื่อออกกำลังกายเสร็จแล้วอย่าลืมรีบเปลี่ยนจาก สปอร์จบราเป็น บราปรกติที่เหมาะกับปัญหาหน้าอกของคุณทันทีด้วยค่ะ ทำแล้วได้ผลเช่นไร อย่าลืมมาเล่าสู่หันฟังด้วยนะคะ

เคล็ดลับกระชับต้นแขน ด้วยดัมเบล

พอพูดถึงเรื่องออกกำลังกาย สาวๆ หลายคนก็เริ่มทำหน้าบูด แต่อยากบอกว่า การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอนี่แหละคือหัวใจสำคัญที่จะทำให้คุณมีรูปร่างที่กระชับ สมสวนที่สุดได้อย่างถาวร อย่างที่เทรนเนอร์ชื่อดังพูดกรอกหูอยู่เสมอว่า “No Pain No Gain” หรือ แปลเป็นไทยแบบง่ายๆ ก็คือ “ความสำเร็จย่อมต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวด” นั่นเอง สำหรับสาวๆที่อยากมีต้นแขนที่กระชับ เรียวสวยได้รูป ใส่เสื้อกล้าม เสื้อแขนกุด และเกาะอกได้อย่างมั่นใจ ก็รีบลุกขึ้นมาออกกำลังกายด้วยดัมเบลเถิดครับ

สำหรับสาวๆ ที่อยากเริ่มต้นออกกำลังกายด้วยดัมเบล แต่กลัวว่าแขนจะล่ำเป็นกล้ามปูแบบหนุ่มๆ ก็ต้องบอกว่า ความเชื่อนี้เป็นความเชื่อที่ผิดมหันต์ เพราะสรีระตามธรรมชาติของผู้หญิงแตกต่างจากผู้ชาย หากคุณสาวๆ จะมีกล้ามโตๆ ล่ำๆแบบจอร์จ ต้องยกเวทน้ำหนักไม่ต่ำว่า 70-100 กิโลกรัมขึ้นไป ส่วนที่ยกขำๆ 500 กรัม – 5 กิโลกรัม บอกได้เลยว่าห่างไกลคำว่า “กล้ามปู” เยอะครับ

แต่สิ่งที่สาวๆ จะได้จากการออกกำลังกายด้วยดัมเบลก็คือไขมันจะถูกรีดออกไปได้มากกว่า กล้ามเนื้อสร้างได้เร็วและมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้น ทำให้ต้นแขนกระชับ เรียวสวย ได้รูปและถาวรกว่าการนวด สนใจแล้วใช่ไหมล่ะครับ วันนี้จอร์จมี 2 ท่ากระชับต้นแขนด้วยดัมเบล ที่จัดเป็นท่าที่สามารถกระชับต้นแขนอย่างได้ผลหากทำถูกวิธีและสม่ำเสมอ พร้อมแล้วก็วอร์มร่างกาย หยิบดัมเบลแล้วตามจอร์จมาเลยครับ

1.Bicep Curl


เรามาเริ่มกันที่การกระชับกล้ามเนื้อแขนส่วนบน หรือ Bicep
ยืนกางขาให้ความกว้างพอดีกับหัวไหล่ ย่อเข่าเล็กน้อย ถือดัมเบลไว้ในมือทั้งสองข้างวางข้างลำตัวหงายมือขึ้น
บีบข้อศอกให้ชิดลำตัว แล้วยกแขนทั้งสองข้าง พับข้อศอกยกขึ้นช้าจนเกือบถึงหัวไหล่
ค่อยๆ ลดมือลงกลับสู่ท่าเริ่มต้น นับเป็น 1 ครั้ง
ทำเซ็ตละ 15-20 ครั้ง 5 เซ็ต

Tip: ระหว่างการยกบีบข้อศอกให้ชิดลำตัวเสมอเพื่อให้ใช้งานกล้ามเนื้อ Bicep ได้เต็มที่ อย่าใช้วิธีการยกโดยการเหวี่ยงแขน เพราะไม่ช่วยให้กล้ามเนื้อได้ออกแรง ต้นแขนก็ไม่กระชับ และอาจบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อส่วนอื่นได้ อย่าลืมเกร็งหน้าท้อง และอย่ากลั้นหายใจขณะออกกำลังกายนะครับ

2 Tricep Kick Back


สำหรับสาวๆ ที่มีปัญหาท้องแขนย้วย กระพือทุกครั้งที่ยกแขน บอกเลยว่าท่านี้เอาอยู่แน่นอน
เริ่มต้นด้วยการยืนกางขาความกว้างเท่าหัวไหล่ แล้วโน้มตัวไปข้างหน้า ถือดัมเบลชิดหน้าอก บีบข้อศอกเข้าชิดลำตัว ส่วนหัวเข่าจะงอหรือไม่งอก็ได้
หายใจออกพร้อมเหยียดแขนไปด้านหลังให้สุด จากนั้นดึงกับมาวางชิดหน้าอกอีกครั้ง นับเป็น 1 ครั้ง
ทำเซ็ตละ 15-20 ครั้ง 5 เซ็ต

Tip: ระหว่างยกต้องบีบข้อศอกให้ชิดลำตัวทุกครั้งและหลังต้องตรงเสมอ ระวังอย่าใช้วิธีเหวี่ยงไปข้างหลัง ให้กล้ามเนื้อส่วนหลังแขนได้ใช้งานมากที่สุด


ทำตาม 2 ท่านี้อย่างสม่ำเสมอ รับรองว่าคุณจะมีต้นแขนที่กระชับ เรียวสวยได้ในเวลาไม่นาน แต่อย่าลืมควบคุมอาหารด้วยนะครับ สำหรับมือใหม่ที่อยากเริ่มใช้ดัมเบลออกกำลังกาย จอร์จก็มีเคล็บลับดีๆในการเลือกซื้อดัมเบลมาฝาก เพื่อให้คุณออกกำลังกายได้อย่างถูกต้อง เห็นผล และออกกำลังกายได้อย่างยั่งยืน ดังต่อไปนี้

เริ่มต้นที่น้ำหนักเบาๆก่อน เพื่อให้ร่างกายได้ค่อยๆปรับตัวและป้องกันการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการออกกำลังกาย
ลองยกทดสอบน้ำหนักดู ถ้าคุณยกแบบ Curl ได้ 8-12 ครั้ง แล้วรู้สึกล้า หรือหมดแรงพอดี นั่นคือน้ำหนักที่เหมาะสมครับ ถ้ายกได้น้อยกว่า แสดงว่าหนักเกินไป อาจทำให้บาดเจ็บ จนไม่อยากออกกำลังกายต่อ แต่ถ้ายกได้มากกวา 12 แล้วยังชิลๆ ขอแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักขึ้นเล็กน้อยครับ
เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อออกกำลังกายด้วยดัมเบลไปสักระยะหนึ่ง จอร์จแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักขึ้นเล็กน้อยเช่นจาก 500 กรัม เป็น 750 กรัม หรือ 1 กิโลกรัม เพื่อให้กล้ามเนื้อได้ใช้งานหนักขึ้นแข็งแรงขึ้น

9 ท่าบริหารกล้ามเนื้อบริเวณขาด้วยดัมเบลล์

ใครว่าอุปกรณ์ออกกำลังกายอย่างดัมเบลล์จะบริหารบริเวณกล้ามเนื้อส่วนแขนได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะดัมเบลที่ปกติคุณนำมาใช้อัปกล้ามสามารถดัดแปลงมาเป็นท่าออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อส่วนขาได้เช่นเดียวกัน เราเลยนำท่าบริหารกล้ามเนื้อบริเวณขา (ขาส่วนบน, ขาส่วนล่าง, ต้นขา, น่อง) โดยใช้ดัมเบลล์มาให้คุณผู้ชายได้ทดลองทำกัน ใครอยากมีหุ่นฟิตเฟิร์มดูแมนๆ ล่ำๆ ลองนำไปทดสอบดู ท่าไม่ยุ่งยาก อุปกรณ์หาซื้อง่ายแถมไม่เปลืองพื้นที่เลยสักนิด

Squat

วิธีทำ
เริ่มจากยืนตัวตรงใช้มือทั้งสองข้างถือดัมเบลล์ไว้ (ท่านี้จะใช้ดัมเบลล์หนึ่งอันหรือสองอันก็ได้) จากนั้นให้ย่อเข่าลงคล้ายกับกำลังจะนั่งเก้าอี้ โดยให้ขาท่อนบนขนานกับพื้น ดันตัวขึ้น ทำซ้ำไปเรื่อยๆ

Reverse Lunge

วิธีทำ 
ยืนตัวตรงและถือดัมเบลล์ไว้ในมือทั้งสองข้าง จากนั้นให้ก้าวขาข้างหนึ่งไปข้างหน้า ส่วนอีกข้างให้ก้าวไปข้างหลัง ดันตัวขึ้นกลับสู่ท่าเริ่มต้นด้วยการยืนตรงเช่นเดิม และทำซ้ำไปเรื่อยๆ

Stationary Lunge

วิธีทำ 
ท่านี้จะมีส่วนคล้ายกับท่า Reverse Lunge แตกต่างเพียงลักษณะการยืน โดยเริ่มจากยืนตัวตรง จากนั้นให้ก้าวเท้าข้างหนึ่งไปข้างหน้า ส่วนเท้าอีกข้างนั้นให้ก้าวไปไว้ข้างหลัง และถือดัมเบลล์ไว้ในมือทั้งสองข้าง ค่อยๆ ลดตัวลงให้หัวเข่าของขาข้างที่อยู่ด้านหน้าทำมุมประมาณ 90 องศากับพื้น จากนั้นดันตัวกลับสู่ท่าเดิมโดยที่ไม่ต้องกลับไปยืนตรงแบบท่า Reverse Lunge ทำซ้ำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ

Side Lunge

วิธีทำ
เริ่มจากยืนแยกขากว้างพอประมาณ โดยที่มือทั้งสองข้างนั้นถือดัมเบลล์ไว้ด้านข้างของลำตัว สไลด์ขาไปด้านข้าง (ขาข้างใดก่อนก็ได้) และลดขาข้างที่คุณสไลด์ไปลงทำมุมกับพื้นประมาณ 90 องศา ส่วนขาอีกข้างจะอยู่ในลักษณะเหยียดตึงไปด้านข้างเช่นเดียวกัน (ตามภาพ) ดันตัวกลับ ทำซ้ำสลับกับอีกข้างไปเรื่อยๆ 

Dumbbell Swing Through

วิธีทำ
ให้คุณยืนแยกขาพอประมาณ จากนั้นใช้มือทั้งสองข้างจับดัมเบลล์ไว้ให้มั่น ย่อตัวลงเหมือนกำลังจะนั่งโดยให้เข่าทั้งสองข้างทำมุม 90 องศาพร้อมกลับเหวี่ยงดัมเบลล์ลงให้อยู่ระหว่างขา จากนั้นให้ดันตัวกลับขึ้นพร้อมกับยกดัมเบลล์ขึ้นแขนเหยียดตรง (ตามภาพ) ทำซ้ำเช่นเดิมไปเรื่อยๆ

Stiff Legged Dead Lift

วิธีทำ
ยืนตรงและถือดัมเบลล์ไว้ในมือทั้งสองข้าง จากนั้นค่อยๆ ลดดัมเบลล์ให้ต่ำลงโดยที่โน้มตัวไปด้านหน้า และดันตัวกลับคืนสู่ท่าเดิมโดยที่หลังต้องเหยียดตรง

Toe Raise

วิธีทำ
ยืนตัวตรงเช่นเดียวกับหลายๆ ท่าที่กล่าวมา มือทั้งสองข้างถือดัมเบลล์ไว้แนบข้างลำตัว จากนั้นให้ยกปลายเท้าทั้งสองข้างขึ้น-ลง ขึ้น-ลง ไปเรื่อยๆ โดยที่มือและแขนนั้นไม่ต้องขยับใดๆ ทั้งสิ้นให้อยู่แนบข้างลำตัวเช่นเดิม

One Legged Toe Raise

วิธีทำ 
ท่าดังกล่าวนี้อาจจะหาอุปกรณ์เสริมเข้ามาช่วย อย่างก้อนอิฐ หรืออุปกรณ์อะไรก็ได้ที่อยู่สูงจากพื้นปกติของคุณเพียงเล็กน้อย หรือไม่ใช้ก็ได้ตามแต่ความถนัด จากนั้นให้ถือดัมเบลไว้ในมือข้างใดข้างหนึ่ง และใช้เท้าข้างใดข้างหนึ่งเกี่ยวขาอีกข้างไว้ (อาจหากำแพงหรือเสาไว้เกาะกันการทรงตัวไม่อยู่ด้วย) แล้วใช้ขาที่ทรงตัวไว้อยู่นั้น ยกปลายเท้าขึ้น-ลง ท่านี้จะคล้ายกับท่า Toe Raise แต่ต่างกันตรงที่ท่านี้ใช้ขาข้างเดียวออกแรงยกปลายเท้าขึ้น-ลง เท่านั้น จากนั้นให้ทำซ้ำและสลับข้างทำเช่นเดิมไปเรื่อยๆ

Seated One Legged Toe Raise

วิธีทำ 
ท่านี้จะแตกต่างจากท่าอื่นๆ ที่กล่าวมา เพราะท่านี้ไม่ต้องยืน เริ่มด้วยนั่งบนเก้าอี้หรือม้านั่งออกกำลังกายก็ได้ วางดัมเบลล์ที่ขาข้างใดข้างหนึ่ง (โดยจะเริ่มทำจากข้างใดก่อนก็ได้) จากนั้นให้ยกปลายส้นเท้าของขาที่วางดัมเบลล์ไว้ ขึ้น-ลง ทำสลับข้างกับขาอีกข้างไปเรื่อยๆ ท่านี้จะช่วยออกกำลังกายตรงกล้ามเนื้อส่วนน่องได้ดีทีเดียว